20 คำถามเกี่ยวกับ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
|
Q1 : กองทุนสำรองเลี้ยงชีพคืออะไร
|
A1 : |
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ คือ กองทุนที่ลูกจ้างและนายจ้างร่วมกันจัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย (พระราชบัญญัติ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. ๒๕๓๐) โดยกองทุนนี้มีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อให้สมาชิกมีเงินไว้ยังชีพยามเกษียณ โดยสมาชิกจะต้องสะสมเงินเข้ากองทุนซึ่งเรียกกว่า "เงินสะสม" ซึ่งให้หักจากเงินเดือนตามอัตราที่กำหนด
และนายจ้างจะจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งเรียกกว่า "เงินสมทบ" และบริษัทจัดการกองทุนจะนำเงินทั้งสองส่วนนี้ไปบริหารจัดการให้เกิดผลประโยชน์เพิ่มขึ้น ซึ่งเรียกกว่า "ผลประโยชน์ของเงินสะสม" และ "ผลประโยชน์ของเงินสมทบ" นอกจากนี้
สมาชิกยังได้รับประโยชน์จากการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินที่หักสะสมทุกๆ ปีตามที่กฎหมายกำหนดไว้ด้วย
|
Q2 : พนักงานและลูกจ้าง จะได้สิทธิประโยชน์อะไรบ้างจากการเป็นสมาชิกกองทุน
|
A2 : |
๑) ได้เก็บออมเงินเพื่อใช้เป็นสวัสดิการที่ดีและเป็นหลักประกันของชีวิตหลังเกษียณอายุหรือออกจากงาน
๒) ได้รับเงินค่าจ้างเพิ่มขึ้นจากเงินสมทบที่มหาวิทยาลัยฯสมทบให้
๓) เป็นโอกาสออมเงินโดยการหาผลประโยชน์ให้งอกเงยภายใต้การบริหารของบริษัทจัดการกองทุนมืออาชีพ
๔) เงินสะสมที่จ่ายเข้ากองทุน ไม่ต้องนำไปรวมคำนวณเงินได้เพื่อเสียภาษี ดังนี้
ส่วนที่ ๑ หักลดหย่อนในการคำนวณเงินได้เพื่อเสียภาษีตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินปีละ ๑๐,๐๐๐ บาท
ส่วนที่ ๒ ส่วนที่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท แต่ไม่เกินร้อยละ ๑๕ ของค่าจ้าง แต่ไม่เกิน ๔๙๐,๐๐๐ บาท
๕) กรณีเกษียณอายุ และได้เป็นสมาชิกกองทุนมาไม่น้อยกว่า ๕ ปี หรือทุพลภาพ หรือเสียชีวิต ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้จากเงินกองทุนทั้งจำนวน
๖) กรณีพนักงานและลูกจ้าง ออกจากงานหรือออกจากกองทุน (ไม่ใช่เกษียณอายุ) และมีอายุสมาชิกกองทุนตั้งแต่ ๕ ปีขึ้นไป สามารถลดหย่อนภาษีได้ ๒ ส่วน
ส่วนที่ ๑ : ลดหย่อนได้ = ๗,๐๐๐ x อายุงานของสมาชิก
ส่วนที่ ๒ : เหลือเท่าไรหักออกอีกครึ่งหนึ่ง
๗) หากออกจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ มวล.ไปยังกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่จดทะเบียนแล้วอื่นๆ ภายใน ๑ ปี ก็สามารถนับอายุต่อได้
|
Q3 : ใครบ้างที่สามารถสมัครเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ มวล.ได้
|
A3 : |
พนักงานประจำ ลูกจ้างประจำ และพนักงานตามสัญญาจ้าง ของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
|
Q4 : พนักงาน และลูกจ้างทุกคน ต้องสมัครเป็นสมาชิกกองทุนหรือไม่
|
A4 : |
ไม่ได้เป็นภาคบังคับให้พนักงานและลูกจ้างต้องเป็นสมาชิก (เพราะการเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้น นอกจากผู้สมัครจะต้องมีคุณสมบัติตามข้อบังคับเฉพาะส่วนนายจ้างที่กำหนดแล้ว พนักงานและลูกจ้างนั้น ๆจะต้องสมัครใจ โดยการยื่นใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกกองทุน) แต่การสมัครเข้าเป็นสมาชิกกองทุนนั้น พนักงานและลูกจ้างจะได้รับประโยชน์มากกว่าไม่ได้เป็นสมาชิกกองทุน เช่น ได้รับเงินเพิ่มขึ้นจากการที่มหาวิทยาลัยฯ ส่งเงินสมทบเข้ากองทุน และยังได้รับสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับภาษีตามที่กฎหมายกำหนด
หมายเหต พนักงานและลูกจ้างเข้าใหม่ ที่เคยจ่ายเงินสะสมในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจากที่อื่นๆ มาก่อนแล้ว
สามารถโอนเงินกองทุนในส่วนของตนและนับอายุสมาชิกต่อเนื่องจากที่เดิมได้ภายในเวลา ๑ ปี หลังออกจากงานเดิม
เพื่อประโยชน์ในการยกเว้นภาษีเงินสมทบและเงินผลประโยชน์
|
Q5 : อัตราเงินสะสม และเงินสมทบที่ต้องนำส่งเข้ากองทุน กำหนดไว้ในอัตราใด
|
A5 : |
๑) อัตราเงินสะสม สมาชิกสามารถเลือกที่จะจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนได้ในอัตราร้อยละ ๔ หรือร้อยละ ๕ หรือร้อยละ ๖ หรือร้อยละ ๗ หรือร้อยละ ๘ ของเงินเดือนหรือค่าจ้าง โดยสมาชิกสามารถเปลี่ยนแปลงอัตราเงินสะสมได้ไม่เกินปีละ ๒ ครั้ง ตามระยะเวลาที่กำหนด
๒) อัตราเงินสมทบ มหาวิทยาลัยฯจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนในอัตราร้อยละ ๘ ของเงินเดือนและค่าจ้าง
|
Q6 : สมาชิกสามารถเปลี่ยนแปลงอัตราส่วนเงินสะสมของตนเองได้หรือไม่
|
A6 : |
สมาชิกสามารถแจ้งขอเปลี่ยนแปลงการหักเงินสะสมได้ปีละไม่เกิน ๒ ครั้ง โดยให้มีผลในเดือนกรกฎาคม หรือเดือนมกราคมของทุกปี แต่สมาชิกต้องแจ้งเป็นหนังสือให้คณะกรรมการกองทุนทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ เดือนก่อนเดือนที่จะให้มีผล
|
Q7 : สมาชิกสามารถขอถอนเงินจากกองทุนได้หรือไม่
|
A7 : |
ข้อบังคับกองทุนในปัจจุบัน อนุญาตให้สมาชิกสามารถถอนเงินออกจากกองทุนได้ โดยสมาชิกจะต้องลาออกจากกองทุนเท่านั้น ซึ่งสมาชิกจะได้รับเงินสะสมและผลประโยชน์ของเงินสะสมของตนเองทั้งหมด ส่วนเงินสมทบและผลประโยชน์ของเงินสบทบจะได้รับตามระยะเวลาที่อยู่ในกองทุนตามข้อบังคับกองทุนเฉพาะส่วน(มหาวิทยาลัยฯ) กำหนด และต้องเสียภาษี ดังนั้นจึงไม่แนะนำเพราะต้องลาออกจากกองทุน และหากจะสมัครกลับเข้ามาในกองทุนใหม่จะสมัครใหม่ได้อีกเพียงครั้งเดียวเท่านั้น โดยจะต้องรอระยะเวลาให้ครบ ๑ ปีก่อนจึงจะสมัครใหม่ได้ ทำให้ในช่วงระยะเวลา ๑ ปี สมาชิกจะเสียโอกาสในการได้รับเงินสมทบที่มหาวิทยาลัยฯสมทบให้ และอายุสมาชิกจะเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่อีกด้วย
|
Q8 : สมาชิกจะได้รับเงินสะสม และเงินสมทบ เมื่อใด และอย่างไร
|
A8 : |
สมาชิกจะได้รับเงินสะสม และเงินสมทบ เมื่อสิ้นสุดสมาชิกภาพเท่านั้น ดังนี้
๑) เงินสะสมและผลประโยชน์ของเงินสะสม สมาชิกมีสิทธิได้รับเงินสะสมและผลประโยชน์ของเงินสะสมในส่วนของตนเองเต็มจำนวน
๒) เงินสมทบและผลประโยชน์ของเงินสมทบ
สมาชิกมีสิทธิได้รับเงินสมทบและผลประโยชน์ของเงินสมทบในกรณีต่อไปนี้
  ๒.๑) ลาออกจากกองทุนโดยไม่ลาออกจากงาน
  ๒.๒) ออกจากงานที่ไม่ได้เกิดจากเหตุถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกอันเนื่องมาจากฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานหรือระเบียบหรือคำสั่งของมหาวิทยาลัยฯอันชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรมในเรื่องที่ร้ายแรง
  การสิ้นสุดสมาชิกภาพตามข้อ ๒.๑) หรือ ๒.๒) สมาชิกจะได้รับเงินสมทบและผลประโยชน์ของเงินสมทบในอัตราดังต่อไปนี้
|
| อายุสมาชิกภาพ | อัตราเงินสมทบและผลประโยชน์ของเงินสมทบที่ได้รับ |
|
| |
| ตั้งแต่ ๓ ปี แต่ไม่ถึง ๖ ปี | ๕๐ % |
|
| ตั้งแต่ ๖ ปี แต่ไม่ถึง ๑๐ ปี | ๗๕ % |
|
| ตั้งแต่ ๑๐ ปี ขึ้นไป | ๑๐๐ % |
|
Q9 : หากสมาชิกสิ้นสุดสมาชิกภาพเพราะถึงแก่ความตาย กองทุนจะต้องจ่ายเงินกองทุนให้แก่ใคร
|
A9 : |
กองทุนฯ โดยบริษัทจัดการกองทุน จะจ่ายเงินให้ผู้รับประโยชน์ที่สมาชิกได้ทำเป็นหนังสือแจ้งไว้ต่อคณะกรรมการกองทุน
แต่หากสมาชิกมิได้ทำหนังสือแจ้งผู้รับประโยชน์ไว้ บริษัทจัดการกองทุนต้องจ่ายเงินตามหลักเกณฑ์ดังนี้
(๑) บุตร ๒ ส่วน หากมีบุตรตั้งแต่ ๓ คนขึ้นไปให้ได้รับ ๓ ส่วน
(๒) สามีหรือภรรยา ๑ ส่วน
(๓) บิดามารดา ๑ ส่วน แต่หากผู้ตายไม่มีบุคคลดังกล่าวตาม (๑) (๒) หรือ (๓) หรือมีแต่ได้ตายไปก่อน
ให้แบ่งเงินที่บุคคลนั้นมีสิทธิได้รับให้บุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่ตามส่วน
|
Q10: หนังสือแต่งตั้งผู้รับประโยชน์ คืออะไร
|
A10: |
หนังสือแต่งตั้งผู้รับประโยชน์ คือ หนังสือที่สมาชิกมอบไว้ต่อคณะกรรมการกองทุนเพื่อแสดงเจตนาโดยระบุว่าหากสมาชิกเสียชีวิต
สมาชิกประสงค์จะมอบเงินกองทุนดังกล่าวให้แก่ผู้ใด ซึ่งอาจเป็นบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือหลายบุคคลเป็นผู้รับประโยชน์แทน
โดยสมาชิกจะต้องระบุชื่อ-สกุลและเงื่อนไขในการได้รับผลประโยชน์ ในหนังสือแต่งตั้งผู้รับประโยชน์ ยื่นพร้อมใบสมัครสมาชิก
และสามารถเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้รับประโยชน์ในภายหลังได้
|
Q11: สมาชิกสามารถเปลี่ยนแปลงผู้รับประโยชน์กรณีสมาชิกเสียชีวิตได้หรือไม่
|
A11: |
สมาชิกสามารถแจ้งขอเปลี่ยนแปลงผู้รับประโยชน์ได้ทุกเมื่อตามที่สมาชิกต้องการ โดยต้องมีหนังสือแจ้งขอเปลี่ยนแปลงผู้รับประโยชน์ต่อคณะกรรมการกองทุน
|
Q12: เงินกองทุนที่สมาชิกจะได้รับเมื่อสิ้นสุดสมาชิกภาพ ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด ๆ จะอยู่ในรูปแบบใด
|
A12: |
บริษัทจัดการกองทุน จะต้องจ่ายเงินกองทุนให้แก่สมาชิกรวมทั้งหมดครั้งเดียวภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่สิ้นสุดสมาชิกภาพโดยจะจ่ายเป็นเช็คขีดคร่อมเข้าบัญชีของสมาชิกเท่านั้น (A/C PAYEE ONLY) หรือตามที่ระบุไว้ในแบบแจ้งการสิ้นสุดสมาชิกภาพ
|
Q13: เงินกองทุนที่สมาชิกได้รับเมื่อสิ้นสุดสมาชิกภาพ จะต้องเสียภาษีหรือไม่
|
A13: |
๑) กรณีเกษียณอายุ และมีอายุสมาชิกกองทุนตั้งแต่ ๕ ปีขึ้นไป (นับรวมโอนมาจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอื่น) หรือทุพลภาพ หรือเสียชีวิต ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้จากเงินกองทุนทั้งจำนวน
๒) กรณีพนักงานและลูกจ้าง ออกจากงานหรือออกจากกองทุน (ไม่ใช่เกษียณอายุ) และมีอายุสมาชิกกองทุนตั้งแต่ ๕ ปีขึ้นไป จะต้องเสียภาษีโดยต้องนำเงินที่ได้ ๓ ส่วน ซึ่งได้แก่ ๑) ผลประโยชน์ของเงินสะสม ๒) เงินสมทบ ๓) ผลประโยชน์ของเงินสมทบ ไปรวมกับรายได้อื่น เพื่อคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี แต่สามารถลดหย่อนภาษีได้ ๒ ส่วน
ส่วนที่ ๑ : ลดหย่อนได้ = ๗,๐๐๐ x อายุงานของสมาชิก
ส่วนที่ ๒ : เหลือเท่าไรหักออกอีกครึ่งหนึ่ง
หรือใช้สูตรเงินได้ที่ต้องนำมาคำนวณภาษี เท่ากับ
[ จำนวนเงินทั้งหมดที่ได้รับจากกองทุน - เงินสะสม - (๗,๐๐๐ x อายุงาน) ] x ๐.๕
๓) กรณีพนักงานและลูกจ้าง ออกจากงาน หรือออกจากกองทุน หรือเกษียณอายุ แต่มีอายุสมาชิกกองทุนน้อยกว่า ๕ ปี จะต้องเสียภาษีโดยต้องนำเงินที่ได้ ๓ ส่วน ซึ่งได้แก่ ๑) ผลประโยชน์ของเงินสะสม ๒) เงินสมทบ ๓) ผลประโยชน์ของเงินสมทบ ไปรวมกับรายได้อื่น เพื่อคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี
หมายเหต ท่านสามารถใช้โปรแกรมช่วยคำนวณ ซึ่งเขียนโดย Thai Provident Fund (กองทุนสำรองเลี้ยงชีพไทย) ได้ที่ http://www.thaipvd.com/content_th.php?content_id=00048 หรือ คลิกที่นี่
|
Q14: สมาชิกจะรับทราบข้อมูลเงินกองทุนในส่วนของตนเองได้อย่างไร
|
A14: |
บริษัทจัดการกองทุนจะจัดทำรายงานแสดงยอดเงินกองทุนรายบุคคลแจ้งให้สมาชิกทราบอย่างน้อยปีละ ๒ ครั้ง
(ข้อมูล ณ สิ้นเดือนมิถุนายน และสิ้นเดือนธันวาคมทุกปี)
โดยปกติ รายงานที่บริษัทจัดการกองทุนสรุปส่งให้สมาชิกจะได้รับประมาณเดือนสิงหาคม สำหรับสรุปตั้งแต่มกราคมถึงมิถุนายน
และรายงานสรุปปลายปีจะจัดส่งให้สมาชิกประมาณเดือนกุมภาพันธ์ปีถัดไป เป็นข้อมูลสรุปของทั้งปี (มกราคม-ธันวาคม)
|
Q15: คณะกรรมการกองทุน คือใคร
|
A15: |
คณะกรรมการกองทุน คือ คณะกรรมการการทุน เฉพาะส่วนของมหาวิทยาลัยฯ ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนฝ่ายนายจ้าง ๕ ท่าน และตัวแทนฝ่ายลูกจ้างที่ได้จากการเลือกตั้ง ๔ ท่าน
|
Q16: บริษัทจัดการกองทุน คือใคร
|
A16: |
บริษัทจัดการกองทุน คือ ธนาคารหรือสถาบันการเงินหรือนิติบุคคลที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามกฏหมาย
ซึ่งกองทุนได้แต่งตั้งให้ดำเนินการจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ โดยบริษัทจัดการกองทุน จะมีหน้าที่ที่สำคัญได้แก่
๑) บริหารเงินกองทุนให้เกิดผลประโยชน์ตามนโยบายหรือแนวทางการลงทุนที่กรรมการกองทุนได้กำหนด
๒)จัดทำข้อมูลเงินสะสม เงินสมทบ และผลประโยชน์ แยกตมรายบุคคลของสมาชิก และจัดทำรายงานแยกตามรายบุคคลให้แก่สมาชิกปีละ ๒ ครั้ง
๓) จัดทำบัญชีแสดงฐานะการเงินของกองทุน ส่งให้กองทุนเพื่อให้กรรมการและสมาชิกตรวจสอบดูได้
๔) ดำเนินการอื่นๆ ตามมาตรฐานด้านบัญชี เช่นการสอบบัญชี
|
Q17: ปัจจุบันใครเป็น บริษัทจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของ มวล.
|
A17: |
คณะกรรมการกองทุนได้เลือก บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด ทำหน้าที่เป็นบริษัทจัดการกองทุน
โดยให้เริ่มบริหารเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ มวล. ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ไปจนถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๗ |
Q18: ประเภทของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่มหาวิทยาลัยฯ มอบให้บริษัทจัดการกองทุนไปบริหาร อยู่ในลักษณะใด
|
A18: |
เนื่องจากขนาดของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ มวล. มีขนาดไม่มากนัก หากจะให้บริษัทจัดการกองทุนบริหารในลักษณะกองทุนเดี่ยว (Single Fund) จะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และไม่สามารถกระจายการลงทุนที่หลากหลาย และกระจายความเสี่ยงทำได้จำกัด ดังนั้นคณะกรรมการกองทุนจึงได้เลือกเข้าร่วมกับกองทุนอื่นที่มีอยู่แล้ว ในลักษณะกองทุนรวม (Pool Fund) ที่มีหลายนายจ้างในกองทุนเดียวกัน (แต่แยกตัวเลขเงินกองทุนแต่ละนายจ้างชัดเจน) และมีหลายนโยบายการลงทุนที่เปิดโอกาสให้สมาชิกได้เลือก (Employee's Choice) ซึ่งเรียกว่า มาสเตอร์พูลฟันด์ (Master Pool Fund) ภายใต้ชื่อ "กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เค มาสเตอร์ พูลฟันด์ ซึ่งจดทะเบียนแล้ว" ซึ่งบริหารจัดการกองทุน โดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด
|
Q19: สมาชิกสามารถเลือกนโยบายการลงทุน ได้กี่ประเภท อะไรบ้าง
|
A19: |
สมาชิกสามารถเลือกนโยบายการลงทุนได้ 6 ประเภท ตามข้อบังคับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เค มาสเตอร์ พูลฟันด์ ซึ่งจดทะเบียนแล้ว กำหนด โดยให้เลือกนโยบายการลงทุนใดนโยบายหนึ่ง และมีอัตราค่าจัดการกองทุนที่บริษัทจัดการกองทุนเรียกเก็บ ดังต่อไปนี้
|
| นโยบายการลงทุนที่เลือกได้ | ค่าธรรมเนียมการจัดการกองทุน |
|
| ๑. ตราสารหนี้ระยะสั้นภาครัฐ สถาบันการเงิน | ร้อยละ ๐.๔๐ ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ |
|
| ๒. ตราสารหนี้ ๑๐๐ % | ร้อยละ ๐.๕๐ ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ |
|
| ๓. ผสม โดยมีหุ้นไม่เกินร้อยละ ๑๐ | ร้อยละ ๐.๖๐ ของมุลค่าทรัพย์สินสุทธิ |
|
| ๔. ผสม โดยมีหุ้นไม่เกินร้อยละ ๒๕ | ร้อยละ ๐.๗๐ ของมุลค่าทรัพย์สินสุทธิ |
|
| ๕. ผสม โดยมีหุ้น และ FIF รวมกันไม่เกินร้อยละ ๒๕ | ร้อยละ ๐.๗๐ ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ |
|
| ๖. ตราสารทุน มีหุ้นไม่เกินร้อยละ ๑๐๐ | ร้อยละ ๐.๗๐ + (๐.๐๕ ถึง ๐.๒ ของ Profits Sharing) ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ |
|
Q20 : สมาชิกสามารถเปลี่ยนแปลงนโยบายการลงทุนของตนเองได้หรือไม่
|
A20 : |
สมาชิกสามารถแจ้งขอเปลี่ยนแปลงนโยบายการลงทุนของตนเองได้ปีละไม่เกิน ๒ ครั้ง โดยให้มีผลในเดือนกรกฎาคม หรือเดือนมกราคมของทุกปี แต่สมาชิกต้องแจ้งเป็นหนังสือให้คณะกรรมการกองทุนทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ เดือนก่อนเดือนที่จะให้มีผล
|